บทที่๔ การพัฒนาทักษะการอ่านสำหรับครู


 การพัฒนาทักษะการอ่านสำหรับครู



การอ่าน

หมายถึง  ความสารถในการแปลความหมายของตัวอักษรออกมาเป็นถ้อยคำและ  ความคิดแล้วนำความคิดนั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์

ความสำคัญของการอ่าน

ชีวิตของแต่ละคนย่อมต้องเกี่ยวข้องผูกพันกับสังคม คือ กลุ่มคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่มีใครที่จะอยู่ได้โดยปราศจากสังคมและการอยู่ร่วมกับคนอื่น ซึ่งจะต้องมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิด ความสนใจ เพื่อให้สังคมเกิดความสงบสุขและพัฒนาไปข้าง หน้าอย่างแท้จริง

จุดมุ่งหมายของการอ่าน

๑. การอ่านเพื่อการศึกษาค้นคว้า  คือ  ต้องการได้รับความรู้จากเนื้อเรื่องที่อ่าน เช่น การอ่านหนังสือประเภทตำรา สารคดี หรือหนังสืออ่านเพิ่มเติมของนักเรียนและนักศึกษา เพื่อรู้และข้าใจเรื่องราวตามหลักสูตร

๒. การอ่านเพื่อความบันเทิง  คือ  บุคคลบางประเภทมีความชอบที่จะอ่านเพื่อความบันเทิงมากกว่าอ่านเพื่อความรู้ เนื่องจากว่า ความบันเทิงเป็นอาหารทางใจซึ่งมีความจำเป็นต่อชีวิตของมนุษย์เช่นเดียวกันกับอาหารและอากาศ จึงมักจะเลือกอ่านแต่หนังสือที่ส่งเสริมสุขภาพจิตให้แจ่มใส มีความสุข

๓. การอ่านเพื่อความคิดหรือเพื่อสนองความต้องการ   คือ  นอกจากความต้องการในการหาความรู้และความบันเทิงแล้ว คนบางคนยังแสวงหาคำตอบอื่นๆให้กับตนเอง ไม่ว่าจะเป็นแนวความคิดทางปรัชญา วัฒนธรรม จริยธรรม และความคิดเห็นทั่วไป

ประโยชน์ของการอ่าน

๑.) ทำให้มีความรู้ในวิชาการด้านต่าง ๆ

๒.) ทำให้รอบรู้ทันโลก ทันเหตุการณ์

๓.) ทำให้ค้นหาคำตอบที่ต้องการได้

๔.) ทำให้เกิดความเพลิดเพลิน

๕.) ทำให้เกิดทักษะและพัฒนาการในการอ่าน

๖.) ทำให้เป็นผู้มีมนุษย์สัมพันธ์ดีและเสริมสร้างบุคลิกภาพ


ระดับการอ่านระดับการอ่าน

ในบทนี้จะกล่าวถึงเฉพาะการอ่านในใจซึ่งเป็นกระบวนการอ่านที่ผู้อ่านต้องมีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อ่านเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งตามความต้องการของผู้อ่าน


         การอ่านจับใจความสำคัญ

เป็นทักษะเบื้องต้นของการอ่านหนังสือเพื่อเก็บสาระสำคัญของเรื่องที่อ่านเช่นจุดประสงค์เนื้อหาความรู้ข้อคิดความคิดและทรรศนะของผู้เขียนเป็นต้น

 

วิธีการอ่านจับใจความสำคัญ

๑. พิจารณาที่ละย่อหน้าหาประโยคใจความสำคัญของแต่ละย่อหน้า 

๒. ตัดส่วนที่เป็นรายละเอียดออกได้เช่นตัวอย่างสำนวนโวหารอุปมาอุปไมย (การเปรียบเทียบ) ตัวเลขสถิติตลอดจนคำถามหรือคำพูดของผู้เขียนซึ่งเป็นส่วนขยายใจความสำคัญ ๓. สรุปใจความสำคัญด้วยสำนวนภาษาของตนเอง 

 

การอ่านสรุปความ
การอ่านสรุปความเป็นการอ่านที่เพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้อ่านทำให้สามารถเข้าใจเรื่องที่อ่านได้มากขึ้นเพราะการอ่านจับใจความเป็นการอ่านเพื่อจับประเด็นสำคัญของเรื่องหรือเลือกเอาเฉพาะใจความสำคัญของเรื่องแล้วนำมาเรียบเรียงใหม่ให้เนื้อหาครบถ้วนและรัดกุมโดยนำใจความที่ได้มาสรุปด้วยภาษาของผู้อ่านเองการอ่านแบบนี้มักใช้กับการอ่านงานเขียนประเภทข่าวสารคดีบทความนิทานเรื่องสั้นและนวนิยายเป็นต้น

 

การอ่านตีความ
การอ่านตีความหรือการอ่านวินิจสารเป็นการอ่านเพื่อกรองเอาความหมายที่ซ่อนเร้นหรือเจตนาที่แท้จริงของผู้เขียนออกมาการอ่านประเภทผู้อ่านต้องพยายามเข้าใจความหมายและถอดความรู้สึกอารมณ์สะเทือนใจจากข้อความที่ผู้เขียนใต้แฝงไว้ซึ่งบางครั้งผู้อำนต้องอาศัยพื้นความรู้เดิมความสนใจปะสบการณ์สติปัญญาและวัยมาช่วยในการตีความสาร

 

การอ่านเพื่อวิเคราะห์วิจารณ์และประเมินค่า
เป็นกระบวนการอ่านที่สร้างวิจารณญานให้แก่ผู้อ่านเป็นการอ่านที่ผู้อ่านผ่านการใคร่ครวญสารอย่างมีเหตุผลก่อนแล้วจึงทำการวิจารณ์สารที่อ่านสุดท้ายจึงตัดสินตีความได้ว่า
การอ่านวิเคราะห์วิจารณ์และประเมินค่าคุณค่าของเรื่องที่อ่านด้วยการประเมินค่าสารเพื่อนำไปใช้ต่อไป
 

การวิเคราะห์ คือการใคร่ครวญแยกแยะออกเป็นส่วน ๆได้แก่ นิทานเรื่องสั้นนิยายหรือบทละครควรวิเคราะห์องค์ประกอบที่ละส่วนคือโครงเรื่องแนวคิดตัวละครการใช้ภาษาบทสนทนาฉากและคุณค่าที่ได้รับ แต่ถ้าเรื่องที่อ่านเป็นสารคดีหรือบทความองค์ประกอบที่ควรเคราะห์คือจุดประสงค์ของการเขียนรูปแบบข้อเท็จจริงข้อคิดเห็นอารมณ์หรือทัศนคติของผู้แต่งการใช้ภาษาและคุณค่าที่ได้รับจากการอ่านเป็นต้น 

การวิจารณ์ คือการอธิบายลักษณะและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่อ่านว่าเรื่องที่อ่านมีข้อดีข้อบกพร่องส่วนใดเพราะอะไรโดยให้วิจารณ์อยู่บนพื้นของเหตุและผลเป็นกลางปราศจากอคติและตามข้อเท็จจริงที่ได้ทำการวิเคราะห์ไว้ 

การประเมินค่า คือการตัดสินคุณค่าของเรื่องราวที่อ่านหลักจากการวิเคราะห์และวิจารณ์มาแล้วว่างานชิ้นนี้ดีหรือไม่มีความน่าเชื่อถือหรือไม่มีคุณค่าหรือไม่และมีคุณค่าด้านใด

การอ่านเป็นหัวใจสำคัญของการศึกษาที่จะช่วยพัฒนามนุษย์ในทุก ๆ ด้านผู้อ่านมากย่อมมีคลังความรู้อยู่กับตัวมากสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ในชีวิตประจำวันจนประสบความสำเร็จได้โดยเฉพาะในวัยศึกษาเล่าเรียนที่ต้องแสวงหาความรู้ในการเรียนรวมถึงครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ต้องพัฒนาตนให้เท่าทันกับความเปลี่ยนแปลงของโลกและนำไปต่อยอดองค์ความรู้เพื่อพัฒนาเยาวชนของชาติต่อไปดังนั้นเราควรหมั่นอ่านหนังสือและสื่อต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลาเพื่อให้มีความรอบรู้หลาย ๆ ด้านฝึกฝนทักษะการอ่านอย่างถูกต้องและนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองเยาวชนสังคมและประเทศชาติต่อไป




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น