บทที่๓ การพัฒนาทักษะการฟังสำหรับครู

 

 การพัฒนาทักษะการฟังสำหรับครู

ความหมายของการฟัง

            การฟัง คือ การที่มีเสียงมากระทบโสตประสารทหู จากนั้นสมองจะทำการแปลความหมายของเสียงที่ได้ยินเพื่อให้เกิดการรับรู้และเข้าใจ แล้วจึงคิดพิจารณาประเมินค่าของสิ่งที่ได้ฟังเพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป

กระบวนการฟัง

๑. การได้ยินเสียงที่มากระทบโสตประสาท

๒. มีสมาธิต่อสิ่งที่ได้ยิน

๓. การเข้าใจสิ่งที่ได้ยิน

๔. การตัความสิ่งที่ได้ยิน

๕. การตอบสนองต่อสารที่ได้ยิน

ประโยชน์ของการฟัง

๑. ต่อตนเอง คือ ทำให้มีความรู้ในเรื่องราวต่างๆทำให้เป็นคนที่ทันสมัย รับรู้ข่าวสารต่าง ๆ ที่ เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทำให้ได้รับความคิดใหม่ ๆ หรือความคิดที่แตกต่างจากตนเองจากการฟังผู้อื่นพูด

๒. ต่อสังคม คือ การนำสิ่งที่ได้ฟังไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม

วัตถุประสงค์ของการฟัง

๑. ฟังเพื่อความรู้  การฟังเป็นเครื่องมือแสวงหาความรู้ ข่าวสารต่าง ๆ จากการฟังบรรยาย ในโอกาสต่าง ๆ และสามารถนำความรู้ที่ได้ฟังมาไปสร้างบุคลิกภาพความเชื่อมั่นในตนเองให้มากยิ่งขึ้น

๒. การฟังเพื่อความบันเทิง  ในแต่ละวันคนเราทำงานอย่างเคร่งเครียด การฟังเป็นวิธีแสวงหาความผ่อนคลายอย่างหนึ่ง เพื่อให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อน เช่น การฟังเพลง ฟังรายการวิทยุ เป็นต้น

ลักษณะการฟังที่ดี

     . มีจุดมุ่งหมายในการฟัง

๒. มีสมาธิ

๓. ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ

๔. จับสาระสำคัญ

๕. มีวิจารณญาณในการฟัง

๖. มีมารยาทในการฟัง

๗. มีการจดบันทึก

ขั้นตอนการฟัง

            ๑. ขั้นก่อนการฟัง

  ๑.๑ ผู้ฟังควรตระหนักถึงจุดมุ่งหมายการฟังให้ชัดเจน

     ๑.๒ ผู้ฟังจะต้องทราบว่า การฟังครั้งนี้จะฟังจากบุคคลที่เป็นผู้ส่งสารโดยตรงหรือฟังจากสื่อซึ่งอาจจะเป็นทั้งสื่อบุคคลหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพราะมีวิธีฟังที่แตกต่างกัน

                 ๑.๓ ผู้ฟังจะต้องเตรียมความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องที่จะฟัง

                 ๑.๔ ผู้ฟังควรเลือกที่นั่งให้เหมาะสม ควรนั่งในตำแหน่งที่มองเห็นผู้พูด และได้ยินเสียงผู้พูดชัดเจน

                 ๑.๕ ผู้ฟังควรเตรียมอุปกรณ์ต่างๆให้ครบถ้วน

            ๒. ขั้นขณะฟัง

     ๒.๑ ผู้ฟังต้องตั้งใจฟัง

     ๒.๒ ผู้ฟังต้องมีสมาธิขณะฟัง

     ๒.๓ ผู้ฟังต้องมีมารยาทขณะฟัง

     ๒.๔ ผู้ฟังต้องมีปฏิกิริยาสัมพันธ์กับผู้พูด

     ๒.๔ ผู้ฟังต้องวางใจเป็นกลาง หลีกเลี่ยงอคติใด ๆ ต่อผู้พูดหรือเรื่องที่ฟัง

     ๒.๖ ผู้ฟังควรจดบันทึกสาระสำคัญของคำบรรยาย

            ๓. ขั้นหลังการฟัง

     ๓.๑ ผู้ฟังควรทบทวนเรื่องราวที่บันทึกไว้ขณะฟังในทันทีที่มีโอกาส

     ๓.๒ ผูฟังควรจะนำเนื้อหาสาระของเรื่องราวที่ได้ฟังไปใช้ประโยชน์

     ๓.๓ ผู้ฟังควรนำเรื่องราวที่ได้ฟังไปสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อน ๆ เพื่อทำให้มีความคิดกว้างไกลขึ้น

การพัฒนาทักษะการฟัง

            การฟังเพื่อจับใจความสำคัญ มีหลักกการฟังดังนี้

๑. ตั้งใจฟังตั้งแต่ต้นจนจบ

๒. จับใจความสำคัญของเรื่อง โดยตั้งคำถาม ๕W๑H๑C

๓. ทบทวนใจความสำคัญว่าถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่

 

การฟังเพื่อวิเคราะห์สาร มีหลักกการฟังดังนี้

๑. ฟังเรื่องให้เข้าใจตั้งแต่ต้นจนจบ

๒. จับใจความสำคัญของเรื่องให้ได้ครบทุกประเด็น

๓. แยกแยะแบะวิเคราะห์องค์ประกอบที่เป็นส่วนข้อเท็จจริงและส่วนที่เป็นข้อคิดเห็น

๔. วิเคราะห์คุณค่าของสารในด้านต่างๆ

การฟังเพื่อตีความสาร มีหลักกการฟังดังนี้

๑. ฟังเรื่องให้เข้าใจตั้งแต่ต้นจนจบ

๒. จับใจความสำคัญของเรื่องให้ได้ครบทุกประเด็น

๓. แยกแยะแบะวิเคราะห์องค์ประกอบที่เป็นส่วนข้อเท็จจริงและส่วนที่เป็นข้อคิดเห็น ตลอดจนความรู้สึกของผู้ส่งสาร

๔. นำข้อมูลต่างๆมาพิจารณาประกอบเพื่อตีความ

๕. แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

การฟังเพื่อประเมินคุณค่าสาร

เป็นการฟังที่ผู้ฟังต้องตัดสินคุณค่าของสารที่ฟังว่ามากน้อย เหมาะสมเพียงใด ผู้ฟังจะต้องมีทักษะการฟัง มีพื้นฐานความรู้เพียงพอที่จะนำมาใช้เป็นเครื่องวัดสารที่ฟังและลงความเห็นว่าสารนั้นดีมีคุณค่าหรือไม่ ถูกต้องหรือไม่




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น