การพัฒนาทักษะการฟังสำหรับครู
ความหมายของการฟัง
การฟัง คือ
การที่มีเสียงมากระทบโสตประสารทหู
จากนั้นสมองจะทำการแปลความหมายของเสียงที่ได้ยินเพื่อให้เกิดการรับรู้และเข้าใจ
แล้วจึงคิดพิจารณาประเมินค่าของสิ่งที่ได้ฟังเพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป
กระบวนการฟัง
๑.
การได้ยินเสียงที่มากระทบโสตประสาท
๒.
มีสมาธิต่อสิ่งที่ได้ยิน
๓.
การเข้าใจสิ่งที่ได้ยิน
๔.
การตัความสิ่งที่ได้ยิน
๕.
การตอบสนองต่อสารที่ได้ยิน
ประโยชน์ของการฟัง
๑. ต่อตนเอง คือ
ทำให้มีความรู้ในเรื่องราวต่างๆทำให้เป็นคนที่ทันสมัย รับรู้ข่าวสารต่าง ๆ ที่
เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทำให้ได้รับความคิดใหม่ ๆ
หรือความคิดที่แตกต่างจากตนเองจากการฟังผู้อื่นพูด
๒. ต่อสังคม คือ
การนำสิ่งที่ได้ฟังไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม
วัตถุประสงค์ของการฟัง
๑. ฟังเพื่อความรู้ การฟังเป็นเครื่องมือแสวงหาความรู้ ข่าวสารต่าง
ๆ จากการฟังบรรยาย ในโอกาสต่าง ๆ
และสามารถนำความรู้ที่ได้ฟังมาไปสร้างบุคลิกภาพความเชื่อมั่นในตนเองให้มากยิ่งขึ้น
๒. การฟังเพื่อความบันเทิง ในแต่ละวันคนเราทำงานอย่างเคร่งเครียด
การฟังเป็นวิธีแสวงหาความผ่อนคลายอย่างหนึ่ง เพื่อให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อน
เช่น การฟังเพลง ฟังรายการวิทยุ เป็นต้น
ลักษณะการฟังที่ดี
๑.
มีจุดมุ่งหมายในการฟัง
๒. มีสมาธิ
๓.
ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ
๔. จับสาระสำคัญ
๕.
มีวิจารณญาณในการฟัง
๖.
มีมารยาทในการฟัง
๗.
มีการจดบันทึก
ขั้นตอนการฟัง
๑. ขั้นก่อนการฟัง
๑.๑ ผู้ฟังควรตระหนักถึงจุดมุ่งหมายการฟังให้ชัดเจน
๑.๒ ผู้ฟังจะต้องทราบว่า
การฟังครั้งนี้จะฟังจากบุคคลที่เป็นผู้ส่งสารโดยตรงหรือฟังจากสื่อซึ่งอาจจะเป็นทั้งสื่อบุคคลหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์
เพราะมีวิธีฟังที่แตกต่างกัน
๑.๓ ผู้ฟังจะต้องเตรียมความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องที่จะฟัง
๑.๔ ผู้ฟังควรเลือกที่นั่งให้เหมาะสม
ควรนั่งในตำแหน่งที่มองเห็นผู้พูด และได้ยินเสียงผู้พูดชัดเจน
๑.๕ ผู้ฟังควรเตรียมอุปกรณ์ต่างๆให้ครบถ้วน
๒. ขั้นขณะฟัง
๒.๑ ผู้ฟังต้องตั้งใจฟัง
๒.๒ ผู้ฟังต้องมีสมาธิขณะฟัง
๒.๓ ผู้ฟังต้องมีมารยาทขณะฟัง
๒.๔ ผู้ฟังต้องมีปฏิกิริยาสัมพันธ์กับผู้พูด
๒.๔ ผู้ฟังต้องวางใจเป็นกลาง
หลีกเลี่ยงอคติใด ๆ ต่อผู้พูดหรือเรื่องที่ฟัง
๒.๖ ผู้ฟังควรจดบันทึกสาระสำคัญของคำบรรยาย
๓.
ขั้นหลังการฟัง
๓.๑ ผู้ฟังควรทบทวนเรื่องราวที่บันทึกไว้ขณะฟังในทันทีที่มีโอกาส
๓.๒ ผูฟังควรจะนำเนื้อหาสาระของเรื่องราวที่ได้ฟังไปใช้ประโยชน์
๓.๓ ผู้ฟังควรนำเรื่องราวที่ได้ฟังไปสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อน ๆ
เพื่อทำให้มีความคิดกว้างไกลขึ้น
การพัฒนาทักษะการฟัง
การฟังเพื่อจับใจความสำคัญ
มีหลักกการฟังดังนี้
๑. ตั้งใจฟังตั้งแต่ต้นจนจบ
๒. จับใจความสำคัญของเรื่อง
โดยตั้งคำถาม ๕W๑H๑C
๓. ทบทวนใจความสำคัญว่าถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่
การฟังเพื่อวิเคราะห์สาร มีหลักกการฟังดังนี้
๑. ฟังเรื่องให้เข้าใจตั้งแต่ต้นจนจบ
๒. จับใจความสำคัญของเรื่องให้ได้ครบทุกประเด็น
๓. แยกแยะแบะวิเคราะห์องค์ประกอบที่เป็นส่วนข้อเท็จจริงและส่วนที่เป็นข้อคิดเห็น
๔.
วิเคราะห์คุณค่าของสารในด้านต่างๆ
การฟังเพื่อตีความสาร มีหลักกการฟังดังนี้
๑. ฟังเรื่องให้เข้าใจตั้งแต่ต้นจนจบ
๒.
จับใจความสำคัญของเรื่องให้ได้ครบทุกประเด็น
๓.
แยกแยะแบะวิเคราะห์องค์ประกอบที่เป็นส่วนข้อเท็จจริงและส่วนที่เป็นข้อคิดเห็น
ตลอดจนความรู้สึกของผู้ส่งสาร
๔. นำข้อมูลต่างๆมาพิจารณาประกอบเพื่อตีความ
๕. แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
การฟังเพื่อประเมินคุณค่าสาร
เป็นการฟังที่ผู้ฟังต้องตัดสินคุณค่าของสารที่ฟังว่ามากน้อย
เหมาะสมเพียงใด ผู้ฟังจะต้องมีทักษะการฟัง
มีพื้นฐานความรู้เพียงพอที่จะนำมาใช้เป็นเครื่องวัดสารที่ฟังและลงความเห็นว่าสารนั้นดีมีคุณค่าหรือไม่
ถูกต้องหรือไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น